Area51 พื้นที่ต้องห้าม..ที่กำความลับกับคนทั้งโลก
จะว่าไปแล้ว ในโลกใบนี้ยังมีสถานที่ลึกลับหรือแปลกประหลาดยังพิสูจน์ไม่ได้อีกเป็นจำนวน มาก ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน หรือดินแดนแห่งตำนานต่าง ๆ แต่สำหรับพื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า “เขตพื้นที่ 51” (Area 51) รวม อยู่ในกฎนี้ไหม มันคืออะไร แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งบินลึกลับ (จานบินนั่นแหละ) เชื่อว่าคงเคยได้ยินชื่อนี้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย แอเรีย 51 คือ ฐานทัพลับของกองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวลึกเข้าไปในบริเวณต้องห้ามอันกว้างขวางของรัฐบาล ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลทรายเนวาด้า ซึ่งหากคุณๆคิดจะไปเฉียดกรายกันล่ะก็ ลองใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมงขับรถไปทางตะวันตกเฉียง หเนือของลาสเวกัส บริเวณที่เป็นที่รู้จักกันดี และมีข่าวลือเกี่ยวกับการทดลองของกองทัพสหรัฐนั้น ได้แก่ Groom Lake และ Papoose Lake ครับ
โดยทั่วไปเชื่อว่า แอเรีย 51 นี้ เป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกและพัฒนาสำหรับโคงการลับที่สุดของทางทหาร โดยเฉพาะ เครื่องบินสอดแนมและเทคโนโลยีทางการบินที่แอบพัฒนากันอยู่ ข่าวลือเกี่ยวกับแอเรีย 51 นี้เริ่มมีหนาหูขึ้น จนประชาชนสงสัยว่าจริงๆแล้ว มีอะไรซ่อนอยู่ที่ฐานทัพแห่งนี้ มีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมารายงานว่า ได้เห็นวัตถุประหลาดลอยอยู่เหนือฐานทัพ และหลายคนกล่าวว่า กองทัพได้ใช้ฐานทัพนี้ ในการศึกษาจานบินและมนุษย์ต่างดาวที่พวกเขาจับกุมกันมาได้ด้วย
เขตพื้นที่ 51 เป็นชื่อเรียกของพื้นที่เขตหวงห้ามของรัฐบาลสหรัฐตั้งอยู่ทางเหนือของลาสเวกัสประมาณ 95 ไมล์ และ 13 ไมล์ทางตะวันตก ทางหลวงสายที่ 375 บนถนนกรูมเลค (Grom Lake Road) ใกล้กับเมืองราเชล (Rachel) พื้นที่นี้ล้อมรอบไปด้วยเขตทดลองของรัฐเนวาด้า (The Nevada Test Site) และเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศเนลลิส (Nellis Air Force Range) ที่เรียกว่าพื้นที่ 51 ก็เพราะเป็นชื่อจุดที่ตั้งซึ่งปรากฎบนแผนที่ ของเขตทดลองเนวาดา
ที่แห่งนี้มีการร่ำลือกันมานานแล้วว่าเป็น ที่ที่ใช้ซ่อนจานบินและมนุษย์ต่างดาวซึ่งตกในรอสเวล (Roswell) และ รัฐบาลได้ปกปิดเรื่องนี้อย่างสุดฤทธิ์แต่ดูเหมือนยิ่งปิดก็ยิ่งกระตุ่น ต่อมอยากรู้ของผู้คนทั่วไป โดยมีการอ้างถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องและ ไม่เกี่ยวข้อง รายที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็นรายของ บ๊อบ ลาซาร์ (Bob Lazar)
บ๊อบ ลาซาร์ เป็นชาวลาสเวกัส เขาอ้างว่าเคยทำงานอยู่ในเขตพื้นที่นี้ในช่วงปี 1988 – 1989 โดย ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษแผนกอากาศยาน เขากล่าวว่าในเขตพื้นที่นี้มีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยมาก และเขายังได้เห็น วัตถุสิ่งบินขนาดใหญ่สิ่งหนึ่ง ซึ่งเขาบอกได้เลยในทันทีว่านั้นเป็นจานบินอย่างแน่นอน เขาบอกว่าวัตถุสิ่งบินที่ลึกลับนี้อยู่ในส่วนที่เรียกว่า เอส-โฟร์ (S-4) ในปาปูส เลค (Papoose Lake) ซึ่ง อยู่ทางใต้ของกรูมเลค ที่นั่นถูกก่อสร้างให้พรางตา กลมกลืนไปกับพื้นทะเลทรายโดยรอบ หากดูอย่างผิวเผินแล้วจะไม่มีทางสังเกตเห็นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ลาซาร์ ยังบอกว่าเขาได้พบมนุษย์ต่างดาวภายในนี้ด้วย โดยบอกว่าเป็น “สิ่งมีชีวิต” ที่สูงประมาณ 3-4 ฟุต หนักประมาณ 35-50 ปอนด์ มีผิวสีเทาและมีศีรษะที่ใหญ่มาก
เหมือน เติมเชื้อฟืน หลังจากการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ของลาซาร์ เผยแพร่ออกไป ผู้คนที่สนใจเรื่องนี้จากเดิมที่เคยมาสอดแนมเป็นบางครั้งบางคราว กลับกลายเป็นผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างหลั่งไหลมาคอยจับตา ดูสิ่งบินลึกลับตามที่ลาซาร์บอก และก็มีจำนวนมากเหมือนกันที่บอกว่าเคยเห็นด้วย แต่ทว่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถบบริเวณนั้นกลับบอกว่าไม่เคยเห็นมีอะไรผิดปกติ เกิดขึ้นแต่อย่างใด
แน่ นอนที่ทางรัฐบาลสหรัฐย่อมไม่อยู่เฉยอยู่แล้ว โดยโต้กลับว่าสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นและอ้างว่าเป็นจานบินนั้น แท้จริงแล้วคือเครื่องบินรุ่นใหม่ ๆ ของกองทัพอากาศต่างหาก โดยทางกองทัพมักจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองอากาศยานรุ่นใหม่ ๆ ก่อนที่จะออกสู่สายตาสาธารณชน เช่น U-2, A-12, SR-71 และ F-117A นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุด 2 ชนิดคือ เครื่องบินสอดแนมความเร็วสูงที่เรียกว่า Aurora และเครื่อง B-2 ที่จะมาแทน F-117A ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครอยากจะมาดูจริง ๆ ละก็ลองขับรถมาประมาณ 130 ไมล์จากลาสเวกัส ขับตรงมาตรงจุดบอกหลักทางหลวงที่ 29.5 บนทางหลวงเนวาดาที่ 375 ที่ นั้นจะมีตู้รับไปรษณีย์เล็ก ๆ ตู้หนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ซึ่งเดิมเป็นของพวกคนเลี้ยงวัวใช้กัน คุณสามารถใช้ตู้รับไปรษณีย์นี้เป็นจุดสังเกตเพื่อสอดส่องดูฐานทัพดังกล่าว ได้ นักสังเกตการณ์ หลายคนเคยมาปักหลักดูสิ่งลึกลับกันอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าพวกคนเลี้ยงวัวแถวนั้นจะบอกว่าไม่เคยเห็นอะไรเลยก็ตาม
อย่าง เคย ทางรัฐบาลสหรัฐบอกว่าที่นั่นมักจะมีการซ้อมรบอยู่เรื่อย ๆ โดยมีการยิงพลุและทำแสงแวบ ๆ อยู่ตลอดบนท้องฟ้า ดังนั้น สิ่งที่พวกนักสังเกตการณ์ทั้งหลายเห็นและคิดไปต่าง ๆ นานาน่าาจะเป็นการซ้อมรบดังกล่าวมากกว่า ยังมีจุดสังเกตการณ์อีก 2 จุดบนพื้นที่ที่เคยอนุญาตให้มาเฝ้าจับตากันได้ คือบริเวณใกล้กับแนวเขตไวท์ไซด์ (White Side) กับ ฟรีด้อม ริดจ์ (Freedom Ridge) ผู้คนทั่วไปสามารถมาคอยจับตาดูความเป็นไปของฐานทัพอากาศเนลลิสดังกล่าวได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่างใด แต่กว่า เสียดายที่ 2 จุดดังกล่าวถูกกองทัพอากาศสั่งปิดเมื่อเดือนเมษายน ปี 1995 นี้เอง
ยัง…ยังมีอีกจุดที่น่าจะพอเฝ้าดูได้บ้างห่าง ๆ คือบริเวณยอดเขาติคาบู (Tikaboo Peak) จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากมีการทะเร่อทะร่าเข้าไปในเขตห่วงห้ามของ Area 51 แน่ นอนที่จะต้องมีพวกกองกำลังรักษาความปลอดภัยคอยลาดตะเวนอยู่ โดยพวกเขาจะสวมชุดทหารพราน แต่จะไม่ติดเครื่องหมายแสดงยศแต่อย่างใด และจะขับรถจี๊ปเชโรกีสีขาว พร้อมแผ่นประกาศของรัฐบาล ผู้ละเมิดจะถูกจับกุมทันที่ พร้อมถูกปรับอย่างน้อย 600 เหรียญ หรือสองหมื่นสี่พันบาท
จนบัดนี้รัฐบาลก็ยังปิดปากเงียบว่าสถานที่นี้ใช้ประโยชน์ในเรื่องใดกันแน่
โดยทั่วไปเชื่อว่า แอเรีย 51 นี้ เป็นสถานที่ที่ใช้ฝึกและพัฒนาสำหรับโคงการลับที่สุดของทางทหาร โดยเฉพาะ เครื่องบินสอดแนมและเทคโนโลยีทางการบินที่แอบพัฒนากันอยู่ ข่าวลือเกี่ยวกับแอเรีย 51 นี้เริ่มมีหนาหูขึ้น จนประชาชนสงสัยว่าจริงๆแล้ว มีอะไรซ่อนอยู่ที่ฐานทัพแห่งนี้ มีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมารายงานว่า ได้เห็นวัตถุประหลาดลอยอยู่เหนือฐานทัพ และหลายคนกล่าวว่า กองทัพได้ใช้ฐานทัพนี้ ในการศึกษาจานบินและมนุษย์ต่างดาวที่พวกเขาจับกุมกันมาได้ด้วย
เขตพื้นที่ 51 เป็นชื่อเรียกของพื้นที่เขตหวงห้ามของรัฐบาลสหรัฐตั้งอยู่ทางเหนือของลาสเวกัสประมาณ 95 ไมล์ และ 13 ไมล์ทางตะวันตก ทางหลวงสายที่ 375 บนถนนกรูมเลค (Grom Lake Road) ใกล้กับเมืองราเชล (Rachel) พื้นที่นี้ล้อมรอบไปด้วยเขตทดลองของรัฐเนวาด้า (The Nevada Test Site) และเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศเนลลิส (Nellis Air Force Range) ที่เรียกว่าพื้นที่ 51 ก็เพราะเป็นชื่อจุดที่ตั้งซึ่งปรากฎบนแผนที่ ของเขตทดลองเนวาดา
ที่แห่งนี้มีการร่ำลือกันมานานแล้วว่าเป็น ที่ที่ใช้ซ่อนจานบินและมนุษย์ต่างดาวซึ่งตกในรอสเวล (Roswell) และ รัฐบาลได้ปกปิดเรื่องนี้อย่างสุดฤทธิ์แต่ดูเหมือนยิ่งปิดก็ยิ่งกระตุ่น ต่อมอยากรู้ของผู้คนทั่วไป โดยมีการอ้างถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของผู้ที่เกี่ยวข้องและ ไม่เกี่ยวข้อง รายที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็นรายของ บ๊อบ ลาซาร์ (Bob Lazar)
บ๊อบ ลาซาร์ เป็นชาวลาสเวกัส เขาอ้างว่าเคยทำงานอยู่ในเขตพื้นที่นี้ในช่วงปี 1988 – 1989 โดย ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษแผนกอากาศยาน เขากล่าวว่าในเขตพื้นที่นี้มีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยมาก และเขายังได้เห็น วัตถุสิ่งบินขนาดใหญ่สิ่งหนึ่ง ซึ่งเขาบอกได้เลยในทันทีว่านั้นเป็นจานบินอย่างแน่นอน เขาบอกว่าวัตถุสิ่งบินที่ลึกลับนี้อยู่ในส่วนที่เรียกว่า เอส-โฟร์ (S-4) ในปาปูส เลค (Papoose Lake) ซึ่ง อยู่ทางใต้ของกรูมเลค ที่นั่นถูกก่อสร้างให้พรางตา กลมกลืนไปกับพื้นทะเลทรายโดยรอบ หากดูอย่างผิวเผินแล้วจะไม่มีทางสังเกตเห็นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ลาซาร์ ยังบอกว่าเขาได้พบมนุษย์ต่างดาวภายในนี้ด้วย โดยบอกว่าเป็น “สิ่งมีชีวิต” ที่สูงประมาณ 3-4 ฟุต หนักประมาณ 35-50 ปอนด์ มีผิวสีเทาและมีศีรษะที่ใหญ่มาก
เหมือน เติมเชื้อฟืน หลังจากการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ของลาซาร์ เผยแพร่ออกไป ผู้คนที่สนใจเรื่องนี้จากเดิมที่เคยมาสอดแนมเป็นบางครั้งบางคราว กลับกลายเป็นผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ต่างหลั่งไหลมาคอยจับตา ดูสิ่งบินลึกลับตามที่ลาซาร์บอก และก็มีจำนวนมากเหมือนกันที่บอกว่าเคยเห็นด้วย แต่ทว่าผู้คนที่อาศัยอยู่แถบบริเวณนั้นกลับบอกว่าไม่เคยเห็นมีอะไรผิดปกติ เกิดขึ้นแต่อย่างใด
แน่ นอนที่ทางรัฐบาลสหรัฐย่อมไม่อยู่เฉยอยู่แล้ว โดยโต้กลับว่าสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่เห็นและอ้างว่าเป็นจานบินนั้น แท้จริงแล้วคือเครื่องบินรุ่นใหม่ ๆ ของกองทัพอากาศต่างหาก โดยทางกองทัพมักจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่ทดลองอากาศยานรุ่นใหม่ ๆ ก่อนที่จะออกสู่สายตาสาธารณชน เช่น U-2, A-12, SR-71 และ F-117A นอกจากนี้ยังรวมถึงเครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุด 2 ชนิดคือ เครื่องบินสอดแนมความเร็วสูงที่เรียกว่า Aurora และเครื่อง B-2 ที่จะมาแทน F-117A ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครอยากจะมาดูจริง ๆ ละก็ลองขับรถมาประมาณ 130 ไมล์จากลาสเวกัส ขับตรงมาตรงจุดบอกหลักทางหลวงที่ 29.5 บนทางหลวงเนวาดาที่ 375 ที่ นั้นจะมีตู้รับไปรษณีย์เล็ก ๆ ตู้หนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ซึ่งเดิมเป็นของพวกคนเลี้ยงวัวใช้กัน คุณสามารถใช้ตู้รับไปรษณีย์นี้เป็นจุดสังเกตเพื่อสอดส่องดูฐานทัพดังกล่าว ได้ นักสังเกตการณ์ หลายคนเคยมาปักหลักดูสิ่งลึกลับกันอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าพวกคนเลี้ยงวัวแถวนั้นจะบอกว่าไม่เคยเห็นอะไรเลยก็ตาม
อย่าง เคย ทางรัฐบาลสหรัฐบอกว่าที่นั่นมักจะมีการซ้อมรบอยู่เรื่อย ๆ โดยมีการยิงพลุและทำแสงแวบ ๆ อยู่ตลอดบนท้องฟ้า ดังนั้น สิ่งที่พวกนักสังเกตการณ์ทั้งหลายเห็นและคิดไปต่าง ๆ นานาน่าาจะเป็นการซ้อมรบดังกล่าวมากกว่า ยังมีจุดสังเกตการณ์อีก 2 จุดบนพื้นที่ที่เคยอนุญาตให้มาเฝ้าจับตากันได้ คือบริเวณใกล้กับแนวเขตไวท์ไซด์ (White Side) กับ ฟรีด้อม ริดจ์ (Freedom Ridge) ผู้คนทั่วไปสามารถมาคอยจับตาดูความเป็นไปของฐานทัพอากาศเนลลิสดังกล่าวได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่อย่างใด แต่กว่า เสียดายที่ 2 จุดดังกล่าวถูกกองทัพอากาศสั่งปิดเมื่อเดือนเมษายน ปี 1995 นี้เอง
ยัง…ยังมีอีกจุดที่น่าจะพอเฝ้าดูได้บ้างห่าง ๆ คือบริเวณยอดเขาติคาบู (Tikaboo Peak) จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากมีการทะเร่อทะร่าเข้าไปในเขตห่วงห้ามของ Area 51 แน่ นอนที่จะต้องมีพวกกองกำลังรักษาความปลอดภัยคอยลาดตะเวนอยู่ โดยพวกเขาจะสวมชุดทหารพราน แต่จะไม่ติดเครื่องหมายแสดงยศแต่อย่างใด และจะขับรถจี๊ปเชโรกีสีขาว พร้อมแผ่นประกาศของรัฐบาล ผู้ละเมิดจะถูกจับกุมทันที่ พร้อมถูกปรับอย่างน้อย 600 เหรียญ หรือสองหมื่นสี่พันบาท
จนบัดนี้รัฐบาลก็ยังปิดปากเงียบว่าสถานที่นี้ใช้ประโยชน์ในเรื่องใดกันแน่
เมื่อ พูดถึงเรื่องจานบินหรือมนุษย์ต่างดาวก็คงหนีไม่พ้นจากชื่อสถานที่ Area 51 นี่กันหรอกครับ Area 51 มีพื้นที่ไม่มากนักในทะเลทรายรัฐเนวาด้า ของประเทสสหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ของทหารที่โด่งดังมาก ว่าเกี่ยวข้องกับจานผีเอเลี่ยน อย่างที่ทราบกันนะครับว่า สหรัฐมี 50 รัฐ(ฮาวายเป็นรัฐที่ 50) ซึ่งการเป็นรัฐนั้น ต้องเป็นพื้นที่ที่ให้ความสำคัฐกับประเทศมากครับ ดังนี้ Area 51 จึงแปลตรงๆ ว่ารัฐที่ 51
สถานที่แห่งนี้ แฝงไปด้วยความลับของทางราชการมากครับ มีนักข่าวไปป้วนเยนอยู่เสมอแต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่าแสงประหลาด ตอนกลางคืน ที่ลอยอยู่เหนือ Area 51 ลับถึงขนาดที่ว่า C.I.A. Central Intelligence Agency ของอเมริกาเองเคยเสียสปายจารกรรมให้สถานที่แห่งนี้ไปถึง 40 คน
สถานที่แห่งนี้ แฝงไปด้วยความลับของทางราชการมากครับ มีนักข่าวไปป้วนเยนอยู่เสมอแต่ก็ไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่าแสงประหลาด ตอนกลางคืน ที่ลอยอยู่เหนือ Area 51 ลับถึงขนาดที่ว่า C.I.A. Central Intelligence Agency ของอเมริกาเองเคยเสียสปายจารกรรมให้สถานที่แห่งนี้ไปถึง 40 คน
บ้อบ โรเบิร์ต ลาซาร.์ นักวิทยาศาสตร์ผู้หนึ่งมาเผยแพร่เรื่องให้สื่อมวลชนทึ่งเกี่ยวกับ Area 51 ว่าเขาเคยทำงานในที่แห่งนี้มาแล้ว บ็อบเล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนนี้เขาเป็นนักฟิสิกส์ ทำงานที่ ลอส อะลามอส (ศูนย์ค้นคว้านิวเคลียร์ของอเมริกา) แต่ก็ได้ถูกโยกย้ายมายัง Area 51 บ็อบกล่าวว่าในเขต Area 51 นั้นมีฐานปฎิบัติการใต้ดินอยู่ลึกลงไปหลายชั้น มีนักวิทยาศาสตร์ทำงานอยู่หลายคน และมี ร.ป.ภ.ที่เข้มงวดมากและพวกเขาเหล่านั้นล้วนศึกษาเกี่ยวกับ ระบบการทำงานของจานบินทั้งสิ้น
หลังจากที่บ็อบออกมาประกาศแก่สื่อมวลชน รัฐบาลสหรัฐก็ออกหมายจับทันที ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรผม็้ไม่ได้ติดตามข่าวล่ะครับ สำหรับความลึกลับของ Area 51 ก็ยังไม่จบง่ายๆ นะครับ รัฐบาลสหรัฐจะออกมาแถลงเมื่อโดนถามถึงเสมอๆว่าเป็นเพียงศูนย์การค้นคว้าด้าน เครื่องบินของด้านการทหาร ซึ่งก็จริงครับ เครื่องบินเสตลธ์สร้างสำเร็จที่นี่ ได้รับสมยานามทางทหารว่า "ปีศาจล่องหน" เพราะเคลือบด้วยวัสดุพิเศษทำให้เครื่องบินหลบเรดาร์ของข้าศึกได้ แต่รัฐบาลสหรัฐก็ไม่เคยยอมบอกว่าวัสดุที่เคลือบนั้นเอามาจากไหนและทำไมถึง หลบเรดาร์ได้ ทั้งยังมีข่าวลือแปลกๆอยู่เสมอ ล่าสุดก็มีข่าวว่า Area 51 จะย้ายออกจากรัฐเนวาด้า ไปยังที่ลับๆ ปราศจากสื่อมวลชนที่คอยตามข่าว
พลังขับเคลื่อนยานของมนุษย์ต่างดาว
แหล่งพลังงานของยานบินคือ แอนทิแมทเทอร์ รีแอคเตอร์ (เครื่องปฏิกรณ์ยิงระเบิดสสารที่ประกอบด้วยอนุภาคที่เหมือนกัน แต่มีประจุไฟฟ้าตรงกันข้ามด้วยโปรตรอน) มีท่อกลวงตรงกลางยานจากพื้นขึ้นไปถึงยอด ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นท่อเหนี่ยวนำคลื่นพลังโน้มถ่วงหรือพลังไฟฟ้าที่ผ่านเข้า ไปในนั้น ช่วงล่างของท่อจะเชื่อมติดกับตัวแอนทิแมทเทอร์รีแอคเตอร์ ซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายครึ่งวงกลมคว่ำลง ติดกับพื้นของยาน ท่อกลวงตรงกลางหรือท่อเหนี่ยวนำจะเป็นท่อยาวต่อไปจนถึงยอดบนของยาน
เครื่อง ปฏิกรณ์มีขนาดใหญ่เท่ากับลูกบาสเกตบอล ลักษณะคล้ายครึ่งวงกลมคว่ำลงบนแผ่นโลหะเล็กๆ มันจะส่งสนามพลังหรือสนามกำลังดึงดูดออกมาโดยรอบ ซึ่งในช่วงเวลาที่มันทำงาน ก่อให้เกิดแรงผลักคล้ายแม่เหล็กสองแท่งที่มีขั้วเหมือนกันกระทำปฏิกิริยาต่อ กัน สารหรือธาตุที่เป็นองค์ประกอบเชื้อเพลิงยิ่งน่าสนใจมาก มันคือธาตุที่ 115 ซึ่งตามทฤษฎีกล่าวว่า มันจะปรากฏอยู่รอบๆ ธาตุ 113-114 กลายเป็นธาตุที่มั่นคงและมีการรวมโปรตรอนกับนิวตรอนก่อให้เกิดธาตุใหม่ซึ่ง สามารถนำไปใช้ได้ หากยิงอนุภาคพลังงานด้วยโปรตรอนมันก็จะแตกธาตุจนถึงธาตุ 116 และปล่อยสสารแอนทิแมทเทอร์ออกมา ซึ่งนั่นคือมันจะทำปฏิกิริยากับสสารซึ่งเรียกว่า "ปฏิกิริยาแอนนิไฮโลชั่น"
ปฏิกิริยา พื้นฐานดังกล่าวก่อให้เกิดพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ตามท่อเหนี่ยวนำมากขึ้นๆ และพลังที่เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลนี้เอง ที่ถูกนำไปใช้กับอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ
ธาตุที่ 115 ไม่ได้เกิดขึ้นบนโลก และไม่สามารถสังเคราะห์ได้เนื่องจากเป็นธาตุที่หนักมาก จากแหล่งข้อมูล ทุกฝ่ายระบุว่าธาตุนี้พบตามธรรมชาติบนโลกหรือดาวเคราะห์ที่ใหญ่กว่าโลกมาก อาจเป็นโลกที่มีพระอาทิตย์สองดวง ในแต่ละครั้งจานบินหรือยานของมนุษย์ต่างดาวจะใช้ธาตุ 115 จำนวนมากถึง 223 กรัม
การที่จานบินบินด้วยความเร็วสูง การบินเลี้ยวกลับเป็นมุมฉาก การหยุดนิ่งกลางอากาศและการเร่งความเร็วของจานบินและการดับเสียงโซนิคบูม รวมถึงการเร่งความเร็วขนาด 22,000 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือมากกว่านั้น กล่าวกันว่า จานบินอาจใช้วิธีอาศัยสนามแรงโน้มถ้วงเทียม หรือบางทีอาจใช้คุณสมบัติพิเศษของมิติและกาลเวลา ซึ่งโลกเรายังไม่คุ้นเคยก็เป็นไปได้
ข้อมูลจาก www.fwdder.com
0 ความคิดเห็น:
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น